ทั้งสองรุ่นเป็นโมเดลที่จำกัดจำนวนการผลิตจากโมเดลไลน์ใหม่ Iconaซึ่ง Ferrari บอกว่าเป็นโมเดลพิเศษสำหรับลูกค้าและนักสะสมโดยเฉพาะนอกจากนี้ยังสืบสาวราวเรื่องย้อนกลับไปได้ถึงโมเดลรุ่นที่ยอดเยี่ยมในอดีตที่ผ่านมาประกอบด้วย Ferrari 166MM(มีรายละเอียดในหน้าที่ 114) และ 750, 780 Monza โดยลูกค้าจะต้องตัดสินใจเลือกระหว่างแบบที่นั่งเดี่ยวหรือที่นั่งคู่ไม่อนุญาตให้ลูกค้าคนเดียวซื้อทั้งสองรุ่น ราคาประมาณ 1.6 ล้านปอนด์
ทั้งสองรุ่นใช้คาร์บอนไฟเบอร์เป็นวัสดุหลัก, ประตูเปิดแบบกระดกขึ้นด้านบนและมีชุดไฟหน้าและไฟท้ายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวนอกจากนี้ยังมีกระจกบังลมหน้าที่ Ferrari เรียกว่า ‘Virtual windscreen’ ที่นอกจากทำหน้าที่เบี่ยงเบนกระแสลมปะทะด้านหน้าแล้วยังทำให้ผู้ขับขี่หรือผู้ขับขี่และผู้ร่วมโดยสารได้รับประสบการณ์พิเศษที่ปกติจะมีเพียงนักแข่ง F1 เท่านั้นที่รับรู้กับประสบการณ์พิเศษที่ว่านี้
ทั้งสองรุ่นใช้เครื่องยนต์ V12 พละกำลังสูงสุดเกือบ 800 แรงม้าที่ใช้อยู่ใน Ferrari 812 Superfast โดยทั้งสองรุ่นสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียง 2.9 วินาที, 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุดเกินกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ Monza SP 1 น้ำหนักตัวรถเปล่าอยู่ที่ 1,500 กิโลกรัม ส่วน SP2 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1,520 กิโลกรัม
และเพื่อความครบถ้วนสมบูรณ์ Ferrari ยังได้ร่วมกับแบรนด์หรู LoroPianaและ Berlutiในการสร้างสรรค์ชุดแต่งกายที่มีความคลาสสิคเข้ากับตัวรถได้อย่างกลมกลืนประกอบด้วยชุดแข่ง, หมวกนิรภัยและรองเท้า
SP1 ที่นั่งเดี่ยวและ SP2 ที่นั่งคู่ทั้งสองรุ่นพัฒนาขึ้นจากพื้นฐานของ 812 Superfast, แอโร่ไดนามิคส์มีบทบาทสำคัญในการทำให้เกิดเป็น ‘virtual windscreen’ ที่ให้ประสบการณ์สุดพิเศษ
‘เป็นรถยนต์สำหรับครอบครัวที่พร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับทุกสภาพภูมิประเทศขณะที่ยังคงระดับสมรรถนะที่เป็นเอกลักษณ์ของ Ferrari อย่างครบถ้วน’
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น