GTC4 LUSSO และ ตัวอักษรพิเศษ T

GTC4 LUSSO T

แม้ว่าจะเปิดตัวให้ได้ยลโฉมกันไปสักระยะแล้วกับ FERRARI GTC4 Lusso T แต่ก็ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ตลอด ว่าเครื่องยนต์ V8 Twin Turbo จะเป็นตัวเลือกที่เข้าไปนั่งในดวงใจของคนรัก FERRARI ได้หรือไม่ ?                              

GTC4 Lusso T ยังคงใช้พื้นฐานบอดี้ของรุ่นเครื่องยนต์ V12 ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีโดย Ferrari’s Styling Centre ซึ่งยังคงรักษาภาพนวัตกรรมหลังคาแบบ Shooting Brake Coupe สะท้อนแนวคิดแห่งความคล่องตัว และพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มมากขึ้นก็เป็นประโยชน์ที่เหมาะสมกับทุกการใช้งาน คุณคงไม่อยากนึกถึงตอนที่ต้องพาครอบครัวพร้อมกระเป๋าเดินทางใบโตยัดลงไปในรถ FERRARI 488 เพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์แน่นอน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับ Lusso T แม้แต่น้อย เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อให้สาวก FERRARI ได้ใช้มันในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการบ้านอีกอย่างคืออัตราการสิ้นเปลิงเชื้อเพลิงที่มันต้องอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ในขณะที่พละกำลังขับเคลื่อนก็ต้องมีความแรงสมศักดิ์ศรีของแบรนด์ และยิ่งในระยะหลังพลังงานทางเลือกบี้เข้ามารดต้นคอ ทำให้ข้อกำหนดเรื่องมลภาวะยิ่งบีบให้รถใช้น้ำมันต้องสะเทือน รวมถึงเรื่องของภาษีที่รถความจุเกิน 4 ลิตร ต้องเสียภาษีกันอาน และ FERRARI ทราบดีว่าจะต้องจัดการกับกระแสนี้อย่างไร ดั้งนั้นการลดกระบอกสูบลงเหลือเพียงแค่ V8 แบบเดียวกับที่เคยใช้ใน Ferrari 488 และ California T  จึงถูกเรียกมาใช้อีกครั้งใน GTC4 Lusso T

เมื่อวิศวกรของ FERRARI ตัดสินใจที่จะนำเครื่องยนต์ V8 มาใช้ อีกสิ่งหนึ่งที่หายไปคือเพลาขับเคลื่อนชุดหน้า  และระบบขับเคลื่อนล้อหลังมาใช้ใน GTC4 Lusso T มันทำให้น้ำหนักโดยรวมของรถเบาลงกว่า Lusso รุ่น V12 ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และมีการถ่ายเทน้ำหนักที่ดีขึ้น (46:54) จุดมุ่งหมายของพวกเขาคือการแก้ไขความรู้สึกในการขับขี่ เพื่อให้รับรู้ถึงความรู้สึกสปอร์ตในการควบคุมรถอันเป็นเอกลักษณ์ การออกแบบจัดวางเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งผลให้มันเป็นรถที่เคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัว และมอบความรู้สึกของการตอบสนองที่ฉับไวขึ้น ช่วยให้สัมผัสได้ถึงสมรรถนะที่มากขึ้นแม้ในความเร็วสูง มาพร้อมกับระบบควบคุม SCM-E ที่จะช่วยให้การตอบสนองที่เฉียบคมยิ่งขึ้นต่อการบังคับทิศทางจากพวงมาลัยทั้งการเข้าและออกโค้ง เนื่องจากความจริงที่ว่าล้อหลังจะถูกบังคับไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า

ถึงจะเป็นเครื่องยนต์ V8 ที่มีความจุเพียงแค่ 3.9 ลิตร ก็อย่าเพิ่งสบประหม่ามันว่าลูกสูบที่หายไป 4 ลูก จะทำให้เรี่ยวแรงของมันน้อยลง เพราะอักษร “ T ”  ที่ประดับมาท้ายชื่อรุ่น มันหมายถึงขุมพลังที่ได้รับประโยชน์จาก เทอร์โบชาร์จเจอร์คู่พร้อมระบบ Variable Boost Management ที่แปรผันการทำงานเพื่อตอบสนองความแรงได้ในทุกย่านความเร็ว เพื่อไม่ให้ความแรงนั้นต้องลดลงไปตามจำนวนลูกสูบ ตัวเลขแรงม้าที่แจงมาจึงมีมากถึง 610 ตัว มันน้อยกว่า Lusso ที่ใช้เครื่อง V12 อยู่เพียง 70 ตัว แต่ที่น่าชมคือแรงบิดที่กระโดด มากถึง 760 นิวตันเมตร ที่มาตั้งแต่ 3000 รอบต่อนาที ยิ่งสนับสนุนให้มันเป็นรถที่สามารถใช้งานในทุกวันได้อย่างมีอรรถรส  มันให้คาแรคเตอร์ที่แตกต่างจากเครื่อง V12 แต่ไม่มีอะไรที่น่ากังวล ในเมื่อมันมีอัตราเร่ง 0-100 ใน 3.5 วินาที และมีตีนปลายที่ป้วนเปี้ยนแถว ๆ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้สบาย ๆ ขณะที่สุนทรียภาพในการขับขี่มาพร้อมกับท่อไอเสียแบบคู่ที่ออกแบบมาให้มีความยาวเท่ากันตลอดทั้งเส้น ช่วยเพิ่มอัตราการไหลของไอเสียให้โฟลวได้มากขึ้น ทำให้มันพร้อมที่จะโอ้อวดพลังเสียงกระหึ่มอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองอย่างเต็

…..ห้องโดยสารนำเสนองานศิลปกรรมแบบ Dual Cockpit เพื่อเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ร่วมกันทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร สนับสนุนความบันเทิงด้วยหน้าจอความคมชัดสูง 10.25 “HD พร้อมระบบสัมผัสแบบ capacitive อันคมชัดและน่าประทับใจ

….ผู้ขับขี่สามารถควบคุมไดนามิคของตัวรถ ผ่านชุดปุ่มควบคุม Manettino บนพวงมาลัย โดยไม่ต้องละมือออกจากพวงมาลัย เพื่อพบกับประสบการณ์การขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพรวมของ LUSSO T มันถูกนำเสนอมาในรูปแบบสปอร์ตฟาสท์แบ็คที่เหมาะสมกับลูกค้าที่ชื่นชอบประสิทธิภาพและศักยภาพของ FERRARI แต่ยังคงต้องการขับใช้งานในเขตเมือง โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องความจุมโหฬาร แถมยังโดยสารได้อีกตั้ง 3 คน โดยยังอยู่ภายใต้ความหรูหราอันเป็นภาพลักษณ์ของ FERRARI ได้อย่างกลมกล่อม

และสำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของ Lusso T นี้ก็สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้กับทาง Cavallino Motors ผู้เป็นตัวแทนจำหน่าย FERRARI อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดย Lusso T นี้เปิดราคาค่าตัวอยู่ที่ 626,500 ยูโร นอกจากนี้ยังสามารถสั่งจองปลายท่อไอเสียและล้อแม็กฟอร์จขนาด 20 นิ้วที่ได้รับการออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับ Lusso T อีกด้วย

ใส่ความเห็น