BRAND DESIGNS | First SUV

คุณจะสร้างรถยนต์แบบ SUV ที่เพียบพร้อมด้วยคุณลักษณะและคุณสมบัติในความเป็นรถยนต์ Ferrari ได้อย่างไร? ตัวอย่างเหล่านี้เป็นผลงานส่วนหนึ่งของนักศึกษาด้านการออกแบบใน UK

ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าเป็นไปไม่ได้สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นแต่ตอนนี้ Sergio Marchionneหัวเรือใหญ่ของ Ferrari ออกมายืนยันด้วยตัวเองแล้วว่ารถยนต์แบบ SUV หรือที่ Ferrari เรียกว่า FUV – Ferrari Utility Vehicle จะลืมตาดูโลกภายในปี 2020 อย่างแน่นอน เป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของ Ferrari ที่ต้องการจะสร้างรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนแบบ 4×4 ภายใต้ข้อกำหนดของตัวเองถึงแม้ว่าบางคนอาจคิดว่านี่เป็นวิธีการในการต่อกรกับ Urusของ Lamborghini ที่เข้าทำตลาดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม

Marchionneบอกว่า Ferrari ปฏิเสธไม่ได้ถึงความต้องการในการเข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดรถยนต์ SUV อีกแล้วโดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์ SUV ที่เป็นที่สุดสุดยอดของรถยนต์ในคลาสเดียวกันและงานที่ท้าทายเป็นอย่างมากคือการสร้างรถยนต์สปอร์ตSUV ที่เร็วที่สุดในโลกที่ Ferrari เรียกว่า FUV รหัสรุ่น F16X ที่ต้องมีความเร็วสูงสุดไม่ต่ำกว่า 190 ไมล์ต่อชั่วโมงเพื่อสยบความเร็วของ Urusที่ Lamborghini เคลมไว้ที่ 189 ไมล์ต่อชั่วโมง

รายละเอียดอย่างเป็นทางการของ F16X ยังไม่มีการเผยแพร่ออกมาแต่สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือโมเดลใหม่ที่ Ferrari ยังไม่เคยผลิตออกจำหน่ายมาก่อนนี้จะใช้แพลทฟอร์มที่พัฒนาขึ้นใหม่สำหรับใช้กับรถยนต์แบบ SUV และโมเดลที่จะเข้ามารับไม้ต่อจาก GTC4 Lossoในอนาคตอันใกล้โดยที่มีเสียงลือว่าเครื่องยนต์ที่ใช้จะไม่ได้เป็นเครื่องยนต์แบบ V12 แต่จะเลือกใช้เป็นเครื่องยนต์ V8 twin-turbo เนื่องจากสามารถสนองตอบได้ทั้งความต้องการในเรื่องพละกำลังสำหรับการใช้ความเร็วสูงและแรงบิดที่เพียงพอสำหรับน้ำหนักตัวรถที่คาดว่าจะมีน้ำหนักเกือบ 2 ตันรวมถึงความต้องการสมรรถนะและประสิทธิภาพในการใช้งานแบบออฟ-โรดบ้างเป็นครั้งคราว

แต่ที่เรายังไม่รู้อย่างแน่ชัดในเวลานี้คือหน้าตาที่แท้จริงของ FUV จะออกมาในทิศทางใดถึงแม้ว่าจะมีข่าวกระเส็นกระสายออกมาว่าการเปิดประตูห้องโดยสารด้านหลังจะเป็นในทิศทางตรงกันข้ามกับประตูหน้าเพื่อให้การเข้าสู่ห้องโดยสารด้านหลังง่ายและสะดวกสบายมากที่สุด ดังนั้นเราจึงเชื้อเชิญนักศึกษาปีสุดท้ายในสาขาวิชา Vehicle Design Course ของมหาวิทยาลัย Coventry ให้มาถ่ายทอดจินตนาการของพวกเขาในความน่าจะเป็นของสปอร์ตเอสยูวีหรือ FUV โมเดลแรกของ Ferrari ว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้างและนี่คือผลงานส่วนหนึ่งของพวกเขา

Eimar  Hyland

hylande@uni.coventry.ac.uk

ผลงานชื่อ Ferrari GRAN PARADISO เป็น SUV 5 ที่นั่งสมรรถนะสูงวางเครื่องยนต์ด้านหน้า ใช้เครื่องยนต์ V8 twin-turbo 3.9 ลิตรร่วมกับ GT4 Lussoแต่มีการเพิ่มชุดขับเคลื่อนไฮบริดทำให้ได้พละกำลังแรงม้าสูงสุด 626bhp

สำหรับการออกแบบเป็นไปตามทฤษฎีที่ไม่แบ่งแยกเส้นกั้นระหว่างวิทยาศาสตร์กับศิลปะอย่างชัดเจนของ Ferrari มีช่องดักอากาศที่เริ่มตั้งแต่ด้านข้างของกระจังหน้าทั้งสองด้านต่อเนื่องไปยังปีกข้างด้านหน้าเพื่อประสิทธิผลทางด้านอากาศพลศาสตร์ เพิ่มเติมด้วยระบบแอโร่ไดนามิคที่ใต้ท้องรถและมุมล่างด้านข้างกระจังหน้าเพื่อช่วยในการระบายความร้อนให้กับระบบเบรกและเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับควบคุม ทั้งหมดนี้ถูกหลอมรวมเข้ากับแนวเส้นโค้งที่สวยงามและพื้นผิวที่พลิ้วไหวพร้อมกับโครงร่างของห้องโดยสารที่มาในสไตล์ฟาสต์แบค

Alvaro Ogando

ogandoa@uni.coventry.ac.uk

ในความคิดของ Alvaro รถยนต์ SUV ของ Ferrari จะเป็นรถ 2 ประตูแบบเดียวกับ GT4 Lussoจัดวางตำแหน่งเบาะที่นั่งแบบ 4 ที่นั่งในตัวถังแบบแฮทช์แบคเพื่อการวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นคู่แข่งสายตรงของ Lamborghini Urusและ Bentley Bentaygaชุดส่งกำลังเป็นได้ทั้งแบบไฮบริดV8 หรือ V12 พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ใช้พื้นฐานของ Maserati Levanteแต่เน้นในเรื่องของสมรรถนะมากขึ้น การออกแบบมีอิทธิผลมาจาก Ferrari 812 Superfast และ GTC4 ผสมผสานความก้าวร้าวดุดันพร้อมประโยชน์ในการใช้งาน, ความแข็งแกร่งและความดุดันของซุ้มล้อและฝากระโปรง

YoanTsonev

Tsonevy@uni.coventry.ac.uk

แนวโค้งของหลังคาทำให้เกิดความงดงามในสไตล์ของรถยนต์แบบคูเป้ขณะที่ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอสำหรับการจัดตำแหน่งเบาะที่นั่งแบบ 5 ที่นั่งพร้อมประตูห้องโดยสาร 4 บาน ภาษาการออกแบบเป็นการผสมผสานกันระหว่าง F12 Berlinettaกับ 812 Superfast ซึ่งในความคิดของ Yoanเป็น 2 รูปแบบของการดีไซน์ร่วมสมัยที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Ferrari แนวเส้นที่ไหลลื่นจากด้านหน้าไปตลอดช่วงความยาวตัวรถสื่อได้ถึงพลังในการขับเคลื่อนและความแข็งแกร่งดุดัน เครื่องยนต์ V8 twin-turbo ให้พละกำลังแรงม้า 670 bhp

Shiron  Zhou

Zhous16@uni.coventry.ac.uk

Ferrari ของ Shironมีประตูหลังเปิดแบบตู้กับข้าว ในเรื่องของภาษาการออกแบบเป็นการตั้งใจที่จะให้รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของพลังและความสปอร์ต แนวเส้นต่าง ๆ สื่อถึงพละกำลังที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน นี่เป็นการอธิบายให้เห็นถึงแก่นแท้ที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษของ Ferrari ของ Shironด้านหน้าของตัวรถมีความคล้ายคลึงกับ Portofino ซึ่งในความคิดของ Shironแล้วเป็นการแสดงถึงจิตวิญญาณของ Ferrari ออกมาได้อย่างเต็มที่ขณะที่ด้านข้างและด้านหลังได้แรงบันดาลใจมาจาก LaFerrari ตำแหน่งของรถจะเหมือนกับ Lamborghini Urus

Adam MacKerron

A.mackerron@uni.coventry.ac.uk

“ผมพยายามอยู่หลายรูปแบบแต่ก็ยังไม่สามารถลงรายละเอียดในเรื่องของข้อมูลเทคนิคได้(ด้านข้างที่เห็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของรถยนต์ SUV สีแดงในภาพประกอบหน้าแรกเป็นแนวคิดหนึ่งของ Adam) แต่ผมมีความคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ตำแหน่งตัวรถน่าจะอยู่ในระดับเดียวกับ BMW X6 ในด้านของขนาดพื้นฐานของตัวรถและใกล้เคียงกับ Bentaygaและ Urusในเรื่องของราคาและสมรรถนะ ผมค้นหารายละเอียดมากมายที่เป็นตำนานความสำเร็จของ Ferrari FF และ GTC4 Lussoที่เป็นตัวตายตัวแทนและทีมออกแบบรับมือกับความเรียกร้องที่ไม่ปกติธรรมดาในแนวทางการออกแบบของพวกเขาได้อย่างไร”

PengboRen

Zhangb19@uni.coventry.ac.uk

“เพื่อการแข่งขันกับ Urusทำให้รถยนต์ SUV ในความคิดของผมมีขนาดระยะห่างฐานล้อ, ความยาวและความสูงที่เท่ากันแต่จะมีช่วงโอเวอร์แฮงค์ด้านหน้าที่สั้นกว่าและเมื่อเทียบกับ Urusแล้วเสา A-pillars จะถูกขยับตำแหน่งให้ถอยหลังไปเล็กน้อยขณะที่ตำแหน่งการนั่งในห้องโดยสารด้านหลังถูกยกสูงขึ้นเล็กน้อยด้วยเช่นกันพร้อมประตูห้องโดยสารขนาดใหญ่ซึ่งการผสมผสานของสององค์ประกอบนี้ทำให้เกิดภาพของความสปอร์ตของ Ferrari ได้อย่างชัดเจนอีกทั้งเสา A-pillars แบบโปร่งแสงยังแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยี่ร่วมสมัยอีกด้วย”

Bingqing  Zhang

Zhangb19@uni.coventry.ac.uk

“SUV คันนี้ใช้เครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.3 ลิตรกำลังแรงม้าสูงสุดประมาณ 740bhpส่งกำลังไปยังล้อทั้ง 4 โดยใช้ระบบ 4RM ของ GTC4 Lussoที่ปรับปรุงใหม่ ทางด้านของราคาน่าจะขยับให้สูงกว่า Urusและ Bentaygaเพื่อไปแข่งขันกับ Rolls-Royce Cullinanในด้านของการออกแบบถ่ายทอดมาจาก 288 GTO เพราะต้องการแสดงให้เห็นถึงความก้าวร้าวดุดันและสมรรถนะโดยมีขนาดลำตัวที่ไม่ใหญ่หรืออวบอ้วนจนเกินไปซึ่งสามารถสื่อให้เห็นได้จากการออกแบบให้มีปีกข้างขนาดใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังรวมถึงเส้นแนวสูงที่คาดยาวตลอดลำตัว”

The Coventry University Course

The Automotive and Transport Design BA เปิดการเรียนการสอนมาแล้วกว่า 45 ปีและยังคงเป็นหลักสูตรการดีไซน์ที่กว้างขวางครอบคลุมมากที่สุดในยุโรป โดยใช้เวลาเรียน 3 ปีซึ่งแต่ละปีจะมีนักศึกษาสมัครลงทะเบียนเข้าเรียนหลักสูตรนี้กว่า 100 คนและยังมีหลักสูตรพิเศษเพิ่มเติมเมื่อทำโปรเจคท์หรือเริ่มฝึกงาน นอกจากนี้ยังมีหลักสูตร MA Automotive Design Course ใช้เวลา 2 ปีโดย Aamer  Mahmud (ผลงานส่วนใหญ่ของคอนเซทป์FUV ที่เห็นเหล่านี้เป็นของนักศึกษาที่กำลังศึกษาหลักสูตรนี้) อาจารย์ที่สอนหลักสูตรนี้ในปัจจุบันประกอบด้วย Ian  Callum, Gerry  McGovern และ Simon  Cox (ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกับ Infiniti) สำหรับผู้มีชื่อเสียงที่จบการศึกษาในหลักสูตรนี้มีอาทิ Klaus  Busseที่ปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Fiat Chrysler Automobiles Europe, Miles  Nurngergerตำแหน่ง Creative Director of Exterior Design ของ Aston Martin, Rob  Melville ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ McLaren, John  Buckingham ตำแหน่ง automotive creative director ของ BMW Group Designworksและ Kevin  Rice ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ Mazda เป็นต้น ส่วนผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาไปเมื่อไม่นานมานี้ได้แก่ Thomas  Granjardที่ได้เข้าร่วมงานกับ Ferrari ในตำแหน่งนักออกแบบตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้น หลักสูตรนี้ยังได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของFerrari: new concepts for the myth’ design school competition โดย Frank  Stephenson ในปี 2005 ซึ่งนักเรียนคนหนึ่งที่ร่วมอยู่ในรุ่นนี้คือ David  Imai ปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบภายนอกของ Tesla

Adam  Gompertz

ในความคิดเห็นของ Adam  Gompertzหรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า Revd Adam  Gompertzถึงดีไซน์ที่เป็นของตัวเขาเองสำหรับ FUV “การออกแบบ Ferrari เป็นการเดินทางผ่านสถานที่ต่าง ๆ ที่ซึ่ง Ferrari ปัจจุบันอาจจะไม่มีความหาญกล้าพอที่จะเข้าไป” เป็นคำอธิบายถึงแนวคิดของเขา

อย่างไรก็ตามนี้ไม่ใช่ Ferrari ที่จะทำแบบ Cayenne ของ Porsche หรือ Bentley Bentayga“มีความแตกต่างกันในเรื่องของแพ็คเกจ” ต้องมีความเป็นรถยนต์สไตล์ออฟ-โรดคูเป้ 4 ประตู 4 ที่นั่ง ต้องมีการผสมผสานบางสิ่งบางอย่างที่มีบุคลิคที่เป็นความซับซ้อนของรถยนต์ที่ยอดเยี่ยมและรถแข่งที่สามารถใช้งานได้ทั่วไปน้อยลง เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความเร็วและความแข็งแกร่งโดยที่ไม่ทำให้มีน้ำหนักที่มากจนเกินไป เป็นเรื่องของการใช้งานที่ยาวนานโดยไม่มีเรื่องของน้ำหนักมาเกี่ยวข้อง

“รูปแบบที่เป็นภาษาการออกแบบของ Ferrari โดยปราศจากการเปรียบเทียบกับแพ็คเกจ  SUV ที่ถูกเพิกเฉย ต่ำกว่า SUV ส่วนใหญ่: รูปแบบที่นุ่มนวลมากขึ้นมีความลื่นไหลมากกว่าเป็นรูปทรงแบบกล่อง เป็นรถยนต์ที่สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ที่ใช้รถยนต์ Ferrari อยู่แล้วและยังคงมีต้องการที่ต่อเนื่องความรู้สึกและประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับไปยัง Ferrari รุ่นอื่น ๆ และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์ที่มีความพิเศษมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นม้าลำพองที่เพียบพร้อมสำหรับการใช้งานแบบครอส-คันทรี่ด้วยความรวดเร็วไม่ได้เป็นม้าที่เอาไว้สำหรับบรรทุกสิ่งของ”

บทความจากนิตยสาร Enzo ฉบับที่ 4

Share

ใส่ความเห็น