จำได้ไม่ผิดแน่ว่านี่เป็นผลงานของศิลปินชาวอังกฤษ Tim Layzell คนที่เราได้ไปพบและพูดคุยถึงความหลงไหลในรถยนต์และศิลปะของเขา
ในหมู่ศิลปินมอเตอร์สปอร์ต Tim Layzell ค่อนข้างโดดเด่น ศิลปินบางคนไปแนวสัจนิยมบางคนไปแนวอิมเพรสชั่นนิสม์ แต่ Layzell สามารถจับภาพและสื่อถึงห้วงนาทีของการเคลื่อนไหวถึงขีดสุดในสไตล์ป๊อปอาร์ตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา สิ่งที่ทำให้ภาพของเขาน่าดูมากคือตัวรถและท่วงท่าที่แสดงช่างสมจริง ขณะที่ทิวทัศน์โดยรอบให้ความรู้สึกถึงความเร็วที่ยอดเยี่ยมจากเส้นสายของสีที่พุ่งผ่านมาจากจุดในระยะไกลซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา
มันแน่นอนว่าศิลปินมอเตอร์สปอร์ตทุกคน มักเป็นผู้สนใจในกีฬารถแข่ง แต่น่าสงสัยว่าจะมีสักกี่คนที่เผยตัวค่อนข้างเร็วเหมือนกับ Layzell คนที่วาดรูปรถแข่ง รถมอเตอร์ไซด์และเครื่องบินรบ Spitfire ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ‘พ่อของผมเป็นช่างพิมพ์ที่สนใจเรื่องรถและมักจะพาพวกเราไปร่วมงาน VSCC’ Layzell เล่าย้อน ‘สมัยวัยรุ่นในช่วงแรก ๆ เราไปที่งานแข่ง Coys Historic ที่ Silverstone เราไปร่วมงาน Festivals of Speed ที่จัดขึ้นในช่วงแรก ๆ ทุกครั้ง และเรายังไปร่วมงาน Revival ทุกครั้งตั้งแต่เริ่มต้น’
ฝีแปรงจากประสบการณ์ได้ที่เผยแพร่ตอน Layzell อายุ 13 ปี ได้เข้าร่วมการประกวดภาพเพื่อหาศิลปินในฝันของนิตยสาร Classic and Sports Car ‘ผมได้สีน้ำมันเป็นของขวัญวันเกิดอายุ 12 ปี และได้วาดภาพ Duncan Hamilton ในรถ HWM ไว้’ เขาเล่า ถึงแม้อายุยังน้อย แต่ก็ชนะการประกวดและเห็นรูปวาดของเขาแขวนแสดงอยู่ที่ Silverstone เคียงข้างกับงานของศิลปินที่เป็นฮีโร่แรก ๆ ของเขา Michael Turner และ Dexter Brown
‘มันเป็นสิ่งที่พิเศษ ผมกลับไป Silverstone ในปีต่อมาด้วยภาพวาด 4 ภาพและขายได้ทั้งหมด ภาพหนึ่งขายให้นักสะสมชาวเยอรมันเป็นภาพรถ Ruf CTR สีเขียวเข้ม และเพื่อเป็นการขอบคุณ เขาได้ให้วิดิโอ Faszination (หนังดังเป็นเรื่องของ Ruf-tuned 911 ที่วิ่งรอบสนามเดอะริง) ที่ผมดูอยู่เรื่อยกับพี่ของผม’
แม้ประสบความสำเร็จในช่วงต้น ๆ Layzell ไม่ได้คิดจะยึดการวาดภาพเป็นอาชีพ ความฝันของเขาคืออยากเป็นนักออกแบบรถ ‘ในวิชาการออกแบบและเทคโนโลยีตอนเรียนในระดับมัธยน ผมได้ออกแบบรถคันที่ใช้แทน Jaguar XK8 เป็น XK คันใหม่ ที่ไฟหน้าคู่ถอยหลังลง มันเป็นตอนก่อนที่จะมีการนำ S-type ออกมาจำหน่าย ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกัน เป็นการเลือกเวลาที่สุดยอด ผมได้ A พร้อมดาว’ เขาค่อนข้างไม่ได้ทุ่มเทอยู่กับการเรียนในระดับ A-level เท่าไหร่ เรียนแค่ 2 คอร์สจบมาพร้อมกับ B ในศิลปะ ‘พวกเขาไม่ค่อยสนใจที่ผมวาดภาพรถเท่าไหร่ และผมก็ทำได้ไม่ดีในพื้นฐานการเขียน’ เขายิ้ม ที่จริงแล้วเขายุ่งอยู่กับการวาดภาพที่บ้านและขายภาพที่วาดได้ทั้งหมด หลังจากที่จบการเรียนในระดับ A-level แล้ว เขาได้งานเลี้ยงตัวเพียงงานเดียว ที่ได้ทำคืองานพับผ้าที่สาขาของ Gap ที่ Bath เขาอยู่ได้แค่ 2 เดือน
ตอนนี้อายุ 37 ปีแล้ว Layzell พบว่าผลงานของเขาเป็นที่ต้องการอย่างมาก เขายังคงไปที่งานแสดงภาพที่เลือกไว้ แต่รับงานสั่งทำเป็นส่วนใหญ่ในจำนวนงานที่ทำในแต่ละปีซึ่งมีประมาณ 15 ถึง 20 ชิ้น ตอนเราพบกันกลางเดือนมีนาคม เขาให้เราได้ชมผลงานชิ้นหนึ่งล่วงหน้าเป็นการพิเศษ เป็นหนึ่งในโปสเตอร์ของงาน Pebble Beach Concours ในปีนี้ ซึ่งเสร็จไปประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ดีโปสเตอร์พวกนี้ไม่ใช่ งานป๊อปอาร์ตแบบเต็ม ๆ ของ Layzell เขาต้องทิ้งช่องว่างไว้สำหรับใส่ข้อความ แต่มันก็ยังเป็นงานในแบบของเขาอย่างเห็นได้ชัด งานประชันรถ จ้างให้เขาทำโปสเตอร์มาเป็นเวลา 11 ปีแล้ว ค่อนข้างนานตั้งแต่ช่วงต้น ๆ ที่สไตล์ป๊อปอาร์ตเฉพาะตัวของเขาเริ่มเป็นที่รู้จัก
เมล็ดพันธุ์ของเอกลักษณ์กำเนิดขึ้นระหว่างการพูดคุยกับ Gregor Fisken เจ้าของดีลเลอร์รถอันดับต้น ๆ ‘ผมพบกับ Gregor ประมาณปี 2004 และเขาได้ถามผมว่า ผมได้เคยทำอะไรที่แตกต่างบ้างหรือเปล่า ซึ่งผมเคยทำ ผมทำชิ้นงานศิลปะแนวฟิวเจอร์ริสม์ ตอนเรียนวิชาศิลปะที่ระดับ A-level ไว้หลายชิ้น หนึ่งในนั้น เป็นรูปของรถ Ferrari 2 คันในการแข่ง 1957 Mille Miglia ผมเอาให้ Gregor ดู และเขาบอกว่า “ทำไมไม่คิดอะไรที่แปลกใหม่” ผมถึงลองทำ ซึ่งมันค่อนข้างโน้มไปในแนวงานของ Lichtenstein และ George Hamm คนที่ทำโปสเตอร์ Monaco GP และ โปสเตอร์ railway art ผมผสมผสานแนวงานพวกนั้นเข้าไปในรูปที่วาดให้ Gregor’
ขณะเดียวกัน Layzell ส่งรูปรถ MM ไปที่งานประมูล Gstaad ที่ Switzerland และถูกประมูลซื้อไป ‘ผมพบในปีที่แล้วว่าคนที่ซื้อเป็นนักสะสมชื่อ Simon Kidston โดยช่วงเมื่อเร็ว ๆ นี้ผมทำงานให้ Simon ค่อนข้างมาก และตอนที่ผมไปที่ออฟฟิศของเขาและเห็นรูปที่นั่น มันรู้สึกเยี่ยมยอดจริง ๆ มันเป็นรูปที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง แต่คุณจะค่อนข้างเห็นว่าสไตล์มาจากไหน
หลังจากชิ้นงานที่ทำให้ Gregor Fisken ผมได้ทำงานชิ้นที่ผมเรียกมันได้ว่าเป็นป็อปอาร์ตจริง ๆ ชิ้นแรกของผม ซึ่งเป็นรูป SWB คันหนึ่ง มันกลายเป็นปกของหน้าซัพพลีเม้นต์ Art and Collectables ซึ่งแทรกในนิตยสาร Octane และได้ถูกนำไปใช้อีกครั้งในเซกชัน Daily Telegraph Motoring เป็นรูปหลักของรายงานเรื่อง 2004 Revival’
ช่วงแรก ๆ ผมได้รับอิทธิพลจากงานของ Barry Rowe ด้วย ‘งานของเขามีสีที่อิ่มตัวจำนวนมาก’ Layzell กล่าว ‘และเขาประเภทที่ทำให้งานของผมมีสีพื้นออกเหลืองอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมทำกลับข้าง ผมเริ่มด้วยผืนผ้าใบสีออกดำก่อนจะเพิ่มความสว่างสดใสเข้าไป ผมไม่ค่อยทำรูปโดยไม่มีเงาหรือความมืดเยอะ ๆ ความลึกเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างคอนทราสต์ และผมรู้สึกว่าผมได้สูตรวิธีทำแบบนั้นครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว แต่ผมยังเรียนรู้จากรูปวาดทุกรูปอยู่นะ มันพัฒนาไปข้างหน้าอยู่เสมอ
‘ตอนปลายปี 2017 ผมได้ทำหน้าปกของ Christophorus (เป็นนิตยสารสำหรับลูกค้าของ Porsche AG พิมพ์เป็น 10 ภาษา) และหลังจากนั้นก็ระเบิดเถิดเถิง ผมมีคิวงานที่ต้องทำยาวเหยียด ซึ่งยาวไปถึง 2 ปี มันจัดการได้ยากเพราะบางคนร่ำรวยมากและพวกเขาไม่คุ้นเคยกับการต้องรอนานเกินไป’
ทุกวันนี้ Layzell วาดภาพทั้งแนวสัจนิยมและป็อปอาร์ต แต่ไม่ว่าแนวไหน ความเหมือนจริงก็มาจากหลายปีที่เฝ้ามองดูภาพการแข่งรถคลาสสิกในหนังสืออ้างอิงที่กองเป็นชั้น ๆ ในสตูดิโอของเขา มันไม่ใช่แค่รูปร่างเครื่องเคราของรถหรือชุดของนักแข่งเท่านั้น แต่เป็นตำแหน่งของรถที่กำลังแข่งในจุดเวลานั้นด้วย รถควรมีอะไรอยู่รอบ ๆ คัน ร่องรอยความเสียหายที่อาจจะมี ควรจะเปิดไฟอยู่หรือไม่….. ‘ผมบอกกับภรรยาว่า ‘ผมวาดเสร็จภาพแล้ว’ และเธอจะพูดว่า “ใช่ แต่คุณต้องใช้เวลาไปกับการหาข้อมูลนานขนาดไหนละ’
คนจำนวนมากถาม Layzell ว่าวาดภาพจากรูปถ่ายหรือเปล่า ซึ่งถือเป็นคำชม ชนิดที่มันหมายความว่า เขาสามารถจำลองแบบภาพรถในลักษณะท่วงท่าและสภาพแวดล้อมของจริงได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่มันละเลยความจริงที่ว่ามันมักไม่ค่อยมีกล้องอยู่ที่ตรงนั้นและที่ที่มีกล้อง ภาพที่ใช้อาจเป็นขาวดำ เขาหยิบภาพหนึ่งที่เป็นภาพ Monaco ในช่วงทศวรรษปี 1930 ขึ้นมา ‘วัตถุดิบที่ใช้ในการศึกษาสำหรับงานชิ้นนั้นยังเป็นขาวดำ ซึ่งเหมือนกับการภาพวาดที่มีมือข้างหนึ่งถูกมัดไพล่หลัง’
ความสามารถของ Layzell ในการจับภาพในวินาทีที่เล่าเรื่องการแข่งรถครั้งใหญ่ได้ดี โดยการซูมเข้าไปและสร้างพลังให้แก่มันด้วยสไตล์ที่เจิดจ้าเป็นเอกลักษณ์อันเป็นพรสวรรค์สำคัญ อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเหมือนง่ายที่เห็นในภาพพวกนั้นหลอกตาคุณ เพราะอย่างที่เขาพูดว่า ความพยายามจำกัดจำนวนสีที่ใช้เพื่อสร้างรูปร่างและแสงสะท้อนในส่วนโค้งของท้ายรถ Cobra เป็นงานท้าทายความสามารถที่แท้จริง เรากำลังดูภาพป๊อปอาร์ตของการแข่งรายการ 1964 Targa Florio ภาพหนึ่ง ‘แม้ว่าไม่มีความซับซ้อนที่ตัวรถ แต่มันต้องดูเหมือนว่ามันกำลังเคลื่อนที่ไปในท่วงท่าที่ถูกต้อง มันเป็นรถที่กำลังเร่งแซงอย่างชัดเจนแต่ท้ายยังไม่พ้น คุณจะเห็นมันมากกว่านี้ผ่านตาคนขับ Innes Ireland คุณจะต้องประเภทที่ว่าเดินทางไปกับเขาด้วย ด้วยรถคันนั้น และผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่คนชอบในรูปของผม เขาไปได้เร็วกว่าอีก 2 คันและพยายามแซง GTO แต่หักมุมเร็วไป และเริ่มแตะเบรก…..’
Layzell มีความเข้าใจพลศาสตร์ของรถตั้งแต่แรก ในโรงเก็บรถข้าง ๆ ตัวบ้านมีรถ TVR อยู่ 2 คัน มี T350 คันหนึ่งและเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รถแข่ง Grantura ซึ่งมีประวัติยาวนาน ที่ได้รับอนุญาติสำหรับ Revival รถได้รับการเชื้อเชิญแล้วและเขาก็ได้ใบอนุญาตขับแข่งแล้ว แต่ยังไม่ค่อยพร้อมสำหรับเรื่องนี้เท่าไหร่ ‘ผมกำลังทำกิจกรรมแทรคเดย์อีกครั้งและหวังจะเข้าแข่งบางรายการในปีนี้’
ผมรู้สึกว่า ผมจะต้องรักษาความกระตือรือร้นในการขับรถเอาไว้ ‘เขาชี้ไปที่ภาพที่เกือบเหมือนรูปจริงเป็นการไล่กวดรถเฟอร์รารี่ที่โด่งดังของ Fangio ในรายการ 1957 Nürburgring Grand Prix ‘Hawthorn ชอบรถที่อันเดอร์สเตียริ่ง ดังนั้นภาษากายรถจึงไม่เหมือนรถของ Collins ซึ่งที่มาทางโอเวอร์สเตียริ่งมาก….’
ผมสังเกตได้ว่าในภาพ Nürburgring คุณรู้สึกได้อย่างไรถึงความร้อนของวันนั้น จากเฉดสีน้ำเงินของเนินที่อยู่ใกล คอนกรีตฟอกขาวและความมืดของเงา ‘เอฟเฟกต์แบบที่ผมอยากได้เป็นเหมือนกับรูปสียุค 1950 ที่แสงเข้าเกิน’ Layzell กล่าว ‘ผมชอบที่จะใส่เงาดำในโฟร์กราวด์ด้วยเพราะมันให้ความลึก’
‘มันมีสีดำค่อนน้อยในรูป เงาเป็นสีน้ำเงินเกือบดำ แสงสะท้อนเป็นสีแดง ตัวถังเป็นสีน้ำเงิน ผมพูดเสมอว่าอย่าวาดอะไรที่คุณคิดว่าได้เห็น วาดสิ่งที่คุณเห็นจริง ๆ เพราะมันจะทำเกิดเอฟเฟกต์ที่ถูกต้อง ถ้าเด็กคนหนึ่งจะวาดล้อซี่ลวด พวกเขาจะวาดซี่ล้อ แม้ว่าจริงแล้วคุณจะเห็นเพียงเล็กน้อย ซี่ที่สะท้อนแสง ที่เหลือเป็นเพียงจุด ๆ’
Layzell วาด 3 หรือ 4 รูปพร้อม ๆ กัน ในทุก ๆ ช่วงเวลา ‘ผมจะทำทั้งสองสไตล์ ในวันเดียวกัน’ เขาบอก ‘2-3 เดือนที่แล้ว ผมใช้เวลาส่วนใหญ่สเกตช์ภาพขั้นต้น วาดด้วยดินสอ A4 ผมชอบจะสเกตช์ภาพสำหรับงานสั่งทำ ผมจะส่งไปทางอีเมลเป็นร่างองค์ประกอบ 2-3 แบบให้เลือก นอกเสียจากว่าผมจะคิดว่าได้แบบที่ลงตัวสุดแล้วและผมจะบอกว่ามันควรจะเป็นอย่างไรในความคิดของผม งานทำตามสั่ง ส่วนใหญ่เป็นป๊อปอาร์ต ในแง่ของการขายนั้น สัดส่วนของอีเว้นต์และงานแสดงภาพ มันประมาณครึ่งต่อครึ่ง’
Layzell รู้ดีว่าเขาโชคดีขนาดไหน ‘ผมมีโชคช่วย และมีคอนเนคชันที่ให้โชคตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ถึงแม้ว่าผมจะเคยทำงานหลายชั่วโมง เจ็ดวันต่อสัปดาห์ แต่ตอนนี้สามารถให้ความสำคัญกับครอบครัวก่อนได้ และมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น คุณสร้างคอนเนคชันกับนักข่าวตามด้วยนักสะสมและนั่นคือวิธีการที่มันทำงาน’ มันจะช่วยด้วย ถ้าคุณรู้สึกที่ดีสุดยอดกับรถ มีความมุ่งมั่นกับความสมจริงและสไตล์ที่เป็นของคุณอย่างแท้จริง
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น