เราพบว่า Foskers เป็นธุรกิจครอบครัวที่ขายความเป็นของแท้ และความมั่นใจได้ว่ารถ Ferrari คลาสสิกคันต่าง ๆ สามารถใช้ขับและสนุกกับการขับขี่ได้
เราใช้เวลาอยู่กับ Jeff และ Colin Fosker ไม่นานก็พบว่าทั้งคู่มีความหลงใหลในรถ Ferrari จากยุค 60 และ 70 และความรักเป็นพิเศษในรถ Daytona และ Dino ที่โดดเด่น และคงไม่แปลกใจที่รู้ว่า Bernard พ่อของคนทั้งสอง ก่อตั้งกิจการขึ้นในยุค 60 และพอถึงต้นยุค 70 ก็เชี่ยวชาญให้บริการเฉพาะรถ Ferrari และเป็นเจ้าของ Dino ด้วย ดังนั้นเมื่อ Jeff และ Colin เข้าช่วยงานธุรกิจครอบครัวในปี 1978 และ 1982 ตามลำดับ ความหลงใหลในรถ Ferrari ตลอดชั่วชีวิตของ 2 พี่น้อง ก็ตกผลึกแน่น
โรงซ่อมรถยี่ห้อ Foskers เดิมตั้งอยู่ติดกับบ้านของครอบครัว ทำให้มียานยนต์ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจของยุคนั้นเข้า ๆ ออก ๆ ซอยตันย่านที่อยู่อาศัยเล็ก ๆ ในเมือง Orpington มณฑล Kent อยู่เสมอ เป็นเช่นนี้เพราะความเก่งกาจในเรื่องเครื่องยนต์กลไกและความเป็นเพื่อนกับ Bobby Bell แห่งบริษัท Bell & Colvill ดีลเลอร์ขายรถ Lotus และ Maserati ในขณะนั้น ทำให้มีรถสปอร์ตหรูมากหน้าหลายตามาเยี่ยมเยือนอู่ซ่อมของ Bernard เพื่อมาตรวจเช็กสภาพ เขามีทักษะพิเศษในเรื่องการตั้งเครื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่อง V12
การตัดสินใจว่า Foskers ควรจะเลือกให้บริการเฉพาะ Ferrari นั้นเกิดขึ้นหลังการลองรถที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนกับ Mark Konig ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของ Maranello Concessionaires เป็นรถ Dino 246 GT ปี 1970 เครื่องยนต์ V6 ตัวใหม่ เป็นความประทับใจ ที่ Bernard มักจะเล่าเรื่องลองรถครั้งนั้นโดยให้รายละเอียดถึงความสามารถที่เหนือชั้นของ Konig ในการขับรถด้วยความเร็วสูง ทำให้เขาซื้อ Dino GTS จาก Mark ในอีกหนึ่งปีต่อมา หลังจากนั้นรถ Dino ที่มีเจ้าของเป็นคนดังหลายคน ก็ไหลผ่านโรงซ่อม Foskers รวมทั้ง GTS คันของ George Harrison และ Ronnie Scott ด้วย
ในยุค 90 ธุรกิจยังอยู่ในโรงซ่อมข้าง ๆ บ้านของครอบครัว มีการจ้าง 2 พี่น้องและช่างยนต์ฝึกหัดอีกคนชื่อ Alastair Gill ก่อนที่งานจะเพิ่มขึ้นจนมีความต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้นจึงย้ายโรงซ่อมไปทางทิศใต้ของถนน ไปอยู่ที่ Wrotham เป็นโรงซ่อมเต็มพื้นที่ อย่างที่ Jeff เล่าย้อนให้ฟังว่า ‘เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นใจ ตอนนั้นราคายังไม่แพงเราซื้อและขายรถหายากจำนวนหนึ่งซึ่งรวมทั้ง 212 ของ Mike Hawthorn และเรายังให้การสนับสนุนงานช่างให้แก่ทีมแข่งของ David Piper ในช่วงวันหยุดและระหว่างสัปดาห์เราทำงานฟื้นฟูสภาพรถ 275 GTB Competizione ตัวถังอลูมิเนียมของ Martin McGlone ซึ่งไปชนหนักที่มาเก๊ามา’
หลังจากที่ Bernard เกษียณอายุต้นยุค 90 แล้วต่อมาในปี 1997 สองพี่น้อง Fosker ยกระดับธุรกิจอีกครั้ง หาบ้านหลังใหม่สำหรับธุรกิจที่ใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน อยู่ใกล้ทางเข้าพื้นที่จอดรถสำหรับรถเข้าร่วมแข่งข้างสนามแข่ง Brands Hatch สนามที่ยังคงเจริญก้าวหน้าแม้กระทั่งทุกวันนี้ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ การเพิ่ม Holly Fosker เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในทีมฝ่ายขาย ทำให้ธุรกิจครอบครัวนี้เข้าสู่ยุครุ่นที่ 3 แล้ว
Foskers เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญพิเศษเก่ง ๆ ทั้งหลาย ที่ชอบให้ผลงานอวดตัวมันเอง ตัวอาคารต่าง ๆ มีความงามแบบเรียบง่ายและมีการสร้างแบรนด์แบบพอประมาณ คนที่จะเข้ามาเยือนในวันแข่งรถจะได้เห็นโชว์รูมมีรถเพิ่มจนเกือบจะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่อวดโฉม Ferrari รุ่นต่าง ๆ ในช่วงเวลา 4 ทศวรรษ และให้โอกาสแก่ผู้สนใจมีโอกาสได้พบปะกับทีมงานของ Foskers แน่นอนว่าคนที่ไปร่วมชมการแข่งขันที่สนาม Brands Hatch จำนวนไม่น้อยที่สุดท้ายกลายเป็นลูกค้าของกิจการ
ทุกวันนี้รถที่โชว์รูมมีความหลากหลายที่น่าดู รวมทั้ง F40 คันหนึ่งและ Daytona พวงมาลัยขวาคันหายากที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี มี 250 Lusso ตัวถังสีม่วงพร้อมด้วยคราบมันวาวที่น่าทึ่ง ความลึกของเชดสีเห็นชัดยิ่งขึ้นใต้แสงไฟสปอตไลท์ในโชว์รูม และยังมี Testarossa ที่ดูดีเตรียมไว้สำหรับงานปาร์ตี้ประชันรถ London Concours ส่วนคันที่เด็ดขาดคือ 246 Dino รุ่นแรก ๆ ในสีเหลืองสดเดิม ๆ และที่อยู่บนที่ยกรถเป็น BB ที่ได้รับการฟื้นฟูสภาพและพ่นสีตัวถังใหม่อย่างเนี๊ยบและ 275 GTS ที่ทำเสร็จมาไม่นานอีกคัน
ข้าง ๆ โชว์รูมมีอู่ซ่อมขนาด 5 ช่องยก พื้นที่ใหญ่พอ ๆ กัน มีทั้งรถใหม่และคลาสสิกที่รับบริการอยู่รวมทั้งรถ 1หรือ 2 ใน 10 คันที่ Foskers รับฟื้นฟูสภาพใหญ่ต่อปีสำหรับลูกค้าที่ใส่ใจ บริเวณภายนอกมีพื้นที่เก็บรถที่อยู่ระหว่างการให้บริการและรถที่รอคิวการให้บริการแยกต่างหาก รวมทั้งสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเก็บรถลูกค้าระยะยาวได้รวม 120 คันสามารถจองได้ล่วงหน้า บริษัทในปัจจุบันมีฐานลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลกที่ให้ความไว้วางใจบริษัท ซึ่ง Jeff บอกว่าเป็น ‘อะไรที่ทำให้ผมมีความภูมิใจมาก’
คนพาทัวร์พวกเราในวันนี้คือ Alastair Gill ผู้จัดการโรงซ่อมอยู่ตั้งแต่ปี 2012 และมีส่วนอย่างสำคัญใน Foskers ที่เป็นธุรกิจครอบครัว ‘ใช่’ เขาพูดขณะที่พวกเรากำลังดู 355 ที่อยู่ระหว่างการซ่อมใหญ่และเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง ‘อู่บางแห่งเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่งโดยที่เครื่องยนต์ยังอยู่ที่เดิม ซึ่งมันทำงานไม่สะดวกและเกิดแรงกดพวกท่อและข้อต่อต่าง ๆ อีกทั้งการตั้งวาล์วไทม์มิ่งไม่สามารถทำได้อย่างถูกต้องตรงเปะ การทำให้ถูกต้องหมายถึงว่าคุณต้องตรวจดูท่อน้ำหล่อเย็นทั้งหมด รวมทั้งท่อน้ำมันและสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ทั่วทั้งพื้นที่’
การทำงานให้ถูกต้องแน่นอนว่าเป็นหลักการสำคัญในการทำงานของ Foskers ‘เราภูมิใจในงานฟื้นฟูที่เราทำอย่างมาก’ เจฟกล่าว ‘เราได้รางวัลชนะเลิศในงานปาร์ตี้ประชันรถมาเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว และเดี๋ยวนี้เรายิ่งมีความมุ่งมั่นมากขึ้นที่จะรักษาสเปกรถเดิม ๆ เอาไว้ เราคิดว่ารถบางคันฟื้นฟูในระดับที่มากเกินไป ทำให้เสียเอกลักษณ์ไป 275 GTS คันที่คุณเห็นบนที่ยกนั้นฟื้นฟูสภาพเต็มรูปแบบ แต่ก็มีความแตกต่างระหว่างการฟื้นฟูรถสำหรับนำไปแสดงกับการฟื้นฟูเพื่อนำไปใช้ขับขี่ คันนี้เรากำลังจะเอาไปส่งที่บ้านเจ้าของรถที่ Siena สัปดาห์นี้ เขากำลังมีงานพบปะเพื่อน ๆ และจะขับยาวเป็นครั้งแรกผ่านแถบ Chianti ในแคว้น Tuscany’
การอยู่ที่ Foskers ยิ่งนานยิ่งทำให้รู้สึกว่า พวกที่โรงซ่อมอยากเห็นมีการนำรถคลาสสิกไปใช้ สามารถสนุกสนานและได้ประสบการณ์ในการขับขี่มากกว่าจะเอาไปเก็บไว้สวย ๆ และนั่งขัดสีฉวีวรรณ ทางบริษัทได้จัดทัวร์สำหรับลูกค้านานาชาติ โดยนำประสบการณ์การขับรถในยุโรปแผ่นดินใหญ่และเคยเจอถนนสวย ๆ มาใช้ ‘พวกเขาชอบมายุโรปและใช้งานรถของพวกเขา’ Jeff กล่าว ‘ปีที่แล้วเรามีลูกค้า 8 รายจากสิงคโปร์ที่ขับรถผ่านย่านผลิตไวน์และแคว้นแชมเปญของฝรั่งเศส และขับต่อไปเมือง Maranello ก่อนข้ามไป Monaco พวกเขาชอบมาก ได้เอารถไปขับบนถนนที่เคยเป็นที่ลองรถของโรงงานผู้ผลิตรถพวกนั้น ได้เห็นรถเรียงแถวกันอยู่นอกโรงแรมที่สวยงามและอยู่ในทิวทัศน์สวย ๆ ของยุโรปเป็นอะไรที่วิเศษจริง ๆ
ที่โรงซ่อมของที่อยู่ใต้ผ้าคลุมที่สั่งทำพิเศษเฉพาะคันเพื่อปกป้องตัวถัง เป็นรถคันพิเศษที่ทีมงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Colin กำลังทำงานง่วนอยู่ในตอนนี้ มันเป็น Dino พบในที่ที่ไม่น่าจะพบ คืออยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ของชิปปิ้งในประเทศ Bahamas ‘ทันทีที่อธิบายรายละเอียดของรถให้ฟัง ผมรู้ทันทีว่าเป็นรถรุ่นแรก ๆ เป็น L-series’ Jeff กล่าว ซึ่งสุดท้ายพบว่ามันคือหนึ่งใน 246 Dino รุ่นแรกสุด อยู่ในสภาพที่ดูไม่จืดจากการซ่อมที่แย่ ๆ แต่ยังเป็นของเดิม ๆ และครบถ้วน
Jeff เอาผ้าคลุมออก ทำให้เห็นผลงานที่น่าตื่นใจ ‘เราไม่ทำเกี่ยวกับตัวถังที่นี่อีกแล้ว มาตรฐานของการฟื้นฟูสภาพรถยกระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ คุณจะต้องทำให้ถึงขั้นหรือไม่ก็ออกไปจากวงการ ตอนนี้เราส่งงานฟื้นฟูพวกแชสซีส์และตัวถังไปทำที่อิตาลีไปที่ Brandoli ซึ่งเป็นทางเลือกที่แพงแต่รถพวกนี้ต้องได้ของดีที่สุด พวกนั้นใช้โมลด์แบบดั้งเดิมของ Scaglietti และเก่ากว่านั้น เราติดต่อกับครอบครัว Brandoli และผู้ชำนาญการพิเศษคนอื่น ๆ ในอิตาลีผ่าน Brenda Vernor ซึ่งเคยเป็นเลขาส่วนตัวของ Enzo Ferrari อยู่หลายปี เธอเป็นสตรีที่ยอดเยี่ยมและน่าคบหาอย่างยิ่ง เธอกลายเป็นคนสนิทของ ‘ท่านผู้เฒ่า’ เป็นชื่อซึ่งเธอยังใช้เรียกเขาและเล่าเรื่องน่าตื่นตะลึงหลายเรื่องให้เราฟัง เราพยายามไปเยือนเมือง Modena 2 หรืออาจจะ 3 ครั้งต่อปีและเราก็มักจะพึ่งพา Brenda ให้เป็นคนติดต่อเจรจาและล่ามให้เราเสมอ’
คุณภาพของตัวถังและงานเคลือบสี (ทำในอังกฤษ) นั้นสุดยอด ‘รถของเราส่วนใหญ่ขายได้หลังจากที่กลับมาจากอู่พ่นสี’ Jeff บอก มองไปที่ BB ที่ฟื้นสภาพแล้วและตั้งอยู่ที่เครื่องยกในโชว์รูมและรถ Dino ผมเข้าใจได้เลยว่าทำไมเป็นเช่นนั้น
ความที่ Dino พบอยู่ในสภาพของเดิมครบ ทำให้เกิดโครงการใหม่ที่น่าตื่นใจ ชิ้นส่วนหลายรายการหาไม่ได้แล้วสำหรับรุ่นแรก ๆ แบบนี้และบ่อยครั้งที่ชิ้นส่วนของรุ่นหลัง ๆ ถูกใช้แทนในงานฟื้นฟู แต่สิ่งนี้ไม่เป็นที่พึงประสงค์สำหรับ Foskers ‘รถจะสูญเสียความเป็นออริจินัลไป’ Colin บอก ดังนั้นทีมฟื้นฟูจึงตัดสินใจเปลี่ยนใหม่ให้เป็นชิ้นส่วนแท้แบบดั้งเดิม ซึ่งต้องทั้งค้นหาสต็อกเก่าในแหล่งใหม่ ๆ และหาผู้ผลิตชิ้นส่วนดั้งเดิมเพื่อให้ทำเพิ่มขึ้นหรือไม่ก็ทำขึ้นใหม่อีกครั้งโดยกระบวนการที่เริ่มต้นใหม่ มันเป็นโครงการของ Colin ที่ใช้เวลานานนับปีทีเดียวจากความร่วมมือกับ Colin Sowter จาก Superformance ‘เราส่งชิ้นส่วนอะไหล่ของ Dino รุ่นแรกให้ Superformance เพื่อให้ทำเพิ่มให้เรา ซึ่งทำให้เรามีชิ้นส่วนเก็บไว้ส่วนหนึ่งสำหรับงานในอนาคต ตอนนี้เราได้ชิ้นส่วนอะไหล่ที่ผลิตขึ้นใหม่ในปริมาณ 30 ชิ้นต่อปีสำหรับรุ่น L-series ชิ้นส่วนพวกนี้จะเป็นกุญแจสำคัญไขสู่อนาคตในงานฟื้นฟูสภาพรถที่แท้จริง ที่ทำโดยทั้งตัวเราเองและนักฟื้นฟูสภาพรถทั่วโลก’
มันเป็นงานที่ใช้ทั้งความพยายามและเวลา และตอนนี้พวกนั้น มีตัวอย่างชิ้นส่วนในสเปกของแท้ดั้งเดิมสำหรับการฟื้นฟู Dino L-series ให้เป็นออริจินัลทั้งคันแล้ว มีทุกส่วนไปจนถึงที่หนีบท่อและป้ายโลหะเล็ก ๆ บนคาร์บูเรเตอร์ ‘ผมมีความภูมิใจเป็นพิเศษกับโช้คอัพ ถังน้ำมันและกันชน’ Colin พูด ‘ไม่น่าสงสัยเลยว่า เราจะได้ 246 Dino L-series ที่มีความเป็นของแท้ที่สุด’ เมื่อดูจากประวัติของ Foskers แล้วดูเหมือนว่าที่พูดมาถูกทั้งหมด
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น