488 Pista คือรถถนนเครื่องวางกลาง ‘อนุกรมพิเศษ’ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่งคันล่าสุดประจำตระกูล
348 Competizione (1993)
รุ่นบุกเบิกของอนุกรมพิเศษ 348 รุ่นปกติเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่สดใสเท่าไรนัก แต่กฎโฮโมโลเกชันของรายการ GT ก็มาช่วยพลิกโฉมในที่สุด การใช้ Kevlar และคาร์บอนไฟเบอร์อย่างเอิกเกริกหมายความว่ามันเบาขึ้นถึง 190 กิโลกรัม และด้วยพลัง 315 แรงม้าจากเครื่อง 3.4 ลิตร ในรถรุ่นมาตรฐาน ก็ทำให้อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักลดมาเหลือเท่ากับ F355 ที่ออกมาทีหลัง ภายในมีผ้ากันไฟสีแดงสดหุ้มทับเบาะคาร์บอนและแป้นเหยียบอะลูมิเนียมเจาะรูช่วยสร้างบรรยากาศแบบสนามแข่ง ในขณะเคลื่อนไหว ช่วงล่างที่แข็งขึ้น พวงมาลัยไร้ตัวช่วยผ่อนแรง เกียร์ทดสั้น คลัทช์แข่ง และเบรกโตปราศจาก ABS ทำให้คนขับได้ออกแรงกันเต็มที่ มันผลิตออกมาแค่ 50 คัน จึงกลายเป็นหนึ่งในรุ่นหายากที่สุด (และถูกประเมินค่าไว้ต่ำเกินจริงที่สุด) สำหรับ Ferrari เวอร์ชันถนน กระนั้น แม่แบบก็ถูกสร้างขึ้นแล้ว
เครื่องยนต์ V8, 3404 ซีซี
พละกำลังสูงสุด 315 แรงม้า ที่ 7200 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 239 ปอนด์ฟุต ที่ 5000 รอบ/นาที
น้ำหนัก 1280 กิโลกรัม
อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก 250 แรงม้า/ตัน
0-62 ไมล์/ชั่วโมงต่ำกว่า 5.4 วิ (ประมาณ)
ความเร็วสูงสุด 170 ไมล์/ชั่วโมง (ประมาณ)
360 Challenge Stradale
ในโชว์รูม 348 จะถูกทดแทนด้วย F355 แต่ถึงแม้ว่า Ferrari จะผลิต 355 Challenge ตัวแข่งออกมา มันดันกลับไม่มีฝาแฝดเวอร์ชันถนน ดังนั้นเราจึงต้องตั้งตารอ 360 CS ซึ่งเป็นทายาทที่แท้จริงของ 348 GTC กันสถานเดียว แต่พ่อหนุ่มเอ้ย..มันคุ้มไหมล่า! ถ้าจับไปเทียบกับ 360 รุ่นปกติ น้ำหนักตัวของมันถูกลดลงไปถึง 110 กิโลกรัม ต้องขอบคุณช่วงล่างไทเทเนียม ตัวถังและภายในคาร์บอนไฟเบอร์ และออพชันกระจกหน้าต่างและกระจกหลัง Plexiglass ท่อไอดีและไอเสียที่อากาศไหลได้โล่งขึ้นช่วยให้ปลดปล่อยแรงม้าออกมาเพิ่มขึ้นอีก 20 ตัว เบรกคาร์บอนเซรามิค เกียร์แพดเดิลชิฟท์ F1 ยาง Pirelli P Zero Corsa และช่วงที่เตี้ยกับแข็งขึ้น เป็นสิ่งที่ช่วยให้การแปลงร่างรถคันนี้จบสมบูรณ์ เชื่อกันว่ามีจำนวนผลิตออกมาราว 1,200 – 1,300 คัน
เครื่องยนต์ V8, 3586ซีซี
พละกำลังสูงสุด 420แรงม้า ที่ 8500 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 275ปอนด์ฟุต ที่ 4750 รอบ/นาที
น้ำหนัก 1280 กิโลกรัม
อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก 330 แรงม้า/ตัน
0-62 ไมล์/ชั่วโมงต่ำกว่า 4.1วิ (โรงงาน)
ความเร็วสูงสุด 186ไมล์/ชั่วโมง (โรงงาน)
430 Scuderia
Scuderia ถูกสร้างขึ้นตามสูตรที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแล้ว เช่น การใช้ตัวถังคอมโพสิทที่เบาขึ้นและถูกปรับจูนมาเพื่อสร้างแรงกด และภายในที่ถูกรื้อหนังและพรมทิ้งไปแล้วแทนที่ด้วยคาร์บอนไฟเบอร์และแผงอะลูมิเนียมเปลือย แต่ใต้เปลือกตัวถังนั้น เจ้า Scud ได้พาเทคโนโลยีและสมรรถนะไปสู่จุดสูงสุดครั้งใหม่ พละกำลังเพิ่มจากF430 รุ่นปกติอยู่ราว 20 แรงม้า แต่การถ่ายทอดพวกมันออกมาทำได้อย่างเกรี้ยวกราดไม่มีใครเหมือน เกียร์ F1 ‘Superfast 2’ สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไว ในขณะที่ระบบ Traction controlF1-Trac และดิฟเฟอเรนเชียลไฟฟ้า E-Diff ก็ส่งพละกำลังลงพื้นให้ได้เกิดผลประโยชน์สูงสุด บนสนาม Fiorano มันทำเวลาต่อรอบได้เร็วกว่า Enzo Ferrari ไม่ค่อยอยากเปิดเผยตัวเลข แต่คาดว่ามันถูกสร้างขึ้นประมาณ 1800 คัน
เครื่องยนต์ V8, 4308ซีซี
พละกำลังสูงสุด 503แรงม้า ที่ 8500 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 347ปอนด์ฟุต ที่ 5250 รอบ/นาที
น้ำหนัก 1350 กิโลกรัม
อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก 378แรงม้า/ตัน
0-62 ไมล์/ชั่วโมงต่ำกว่า 3.6วิ (โรงงาน)
ความเร็วสูงสุด 198ไมล์/ชั่วโมง (โรงงาน)
458 Speciale
458 Italia ถือเป็นรถที่เป็นแลนด์มาร์คของค่าย เพราะมันมาพร้อมกับโครงสร้างแบบใหม่และเกียร์ดูอัลคลัทช์เป็นครั้งแรก ในรุ่น Speciale น้ำหนักถูกตัดลงไป 90 กิโลกรัม ส่วนพลังเพิ่มขึ้นอีก 35 แรงม้า ทำให้เจ้านี่คือ V8 หายใจเองที่ทรงพลังมากที่สุดจากMaranello การเปลี่ยนเกียร์ทำได้ไวขึ้น ระบบ Active Aero ถูกจูนมาให้สร้างแรงกดระหว่างโค้งและลดแรงต้านอากาศในทางตรงส่วนเบรกนั้นเอามาจาก LaFerrari การตอบสนองของพวงมาลัยและแรง G แนวข้างเป็นอะไรที่ดีที่สุดในบรรดารถที่Ferrari ผลิตขายสิ่งที่เป็นเรื่องใหม่สำหรับ Speciale คือ Side Slip Angle Control (SSC) ซึ่งใช้เซ็นเซอร์และ E-Diff เพื่อช่วยนักขับที่มีความมุ่งมั่นให้สามารถทำท้ายรถปัดได้อย่างตื่นตาตื่นใจ นี่เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ไม่มีการบอกจำนวนที่ผลิต แต่น่าจะอยู่ที่ราว 2,000+
เครื่องยนต์ V8, 4497 ซีซี
พละกำลังสูงสุด 597 แรงม้า ที่ 9000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 398 ปอนด์ฟุต ที่ 6000 รอบ/นาที
น้ำหนัก 1395 กิโลกรัม
อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก 435แรงม้า/ตัน
0-62 ไมล์/ชั่วโมงต่ำกว่า 3.0วิ (โรงงาน)
ความเร็วสูงสุด 202ไมล์/ชั่วโมง (โรงงาน)
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น